ครบวาระ 60 ปี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เดินหน้าก่อสร้างศูนย์การแพทย์รามาธิบดีศรีอยุธยา และ อาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี เพื่อรองรับการให้บริการทางการแพทย์ที่ทันสมัยและครบวงจรในอนาคต
ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีและประธานคณะกรรมการบริหารมูลนิธิรามาธิบดี กล่าวว่า คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ตั้งขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2508 ปัจจุบันคณะฯ กำลังจะครบวาระ 60 ปี ซึ่งหลังการจัดตั้ง ได้มีการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งเป็นอาคารหลักที่เปิดใช้งานในปี พ.ศ. 2512 และยังคงใช้งานมาตลอด พร้อมทั้งมีการขยายอาคารเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีอาคารสำคัญ ได้แก่ อาคารศูนย์การแพทย์สิริกิติ์ ที่เปิดดำเนินการในปี พ.ศ. 2537 และอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ที่เปิดในปี พ.ศ. 2554 ต่อมาในปี พ.ศ. 2560 ได้มีการสร้างแคมปัสใหม่ที่อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ คือ สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ ซึ่งถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ครอบคลุมพื้นที่กว่า 300 ไร่ ที่อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และมีจำนวนเตียงผู้ป่วย 400 เตียง อีกทั้งในปี พ.ศ. 2567 ได้ก่อสร้างศูนย์การแพทย์รามาธิบดีศรีอยุธยา และล่าสุดยังมีโครงการก่อสร้างอาคารใหม่ คือ อาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ถือเป็นหนึ่งในสถาบันไม่กี่แห่งในประเทศไทยที่สามารถสร้างบุคลากรทางการแพทย์เพื่อรองรับการรักษาผู้ป่วยโรคซับซ้อน ด้วยศักยภาพด้านการรักษาพยาบาลและการผลิตบุคลากรทางการแพทย์ ทำให้โรงพยาบาลรามาธิบดีมีบทบาทสำคัญในการยกระดับความสามารถด้านการรักษาของประเทศไทยจนเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ทั้งนี้ ผลงานวิจัยของคณาจารย์ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารชั้นนำของโลกอย่างต่อเนื่อง และผลลัพธ์จากการรักษาพยาบาลและการวิจัยเหล่านี้ยังถูกถ่ายทอดและนำมาพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศตลอดระยะเวลา 60 ปีที่ผ่านมา และจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต
นอกจากความร่วมมือด้านวิชาการทางการแพทย์แล้ว คณะฯ ยังมุ่งสร้างความเชื่อมโยงกับศาสตร์แขนงอื่น ๆ เช่น วิศวกรรมศาสตร์ การจัดการ และวิทยาศาสตร์แขนงต่าง ๆ จนเกิดเป็นหลักสูตร “แพทย์ไฮบริด” อาทิ “แพทย์นวัตกรรม” ขึ้น จากการผสมผสานหลักสูตรทั้งปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต และปริญญาวิศวกรรมศาสตร์มหาบัณฑิต เนื่องจากการรักษาพยาบาลในปัจจุบันต้องอาศัยเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าอย่างมาก หากแพทย์ไม่เข้าใจหรือไม่สามารถบูรณาการเทคโนโลยีสมัยใหม่ อาทิ หุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ก็อาจไม่สามารถพัฒนาองค์ความรู้และตอบโจทย์ความต้องการของการแพทย์ยุคใหม่ได้ ดังนั้น การร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ จะช่วยให้คณะฯ สามารถผลิตบุคลากรทางการแพทย์และสร้างองค์ความรู้ที่เชื่อมโยงศาสตร์หลายแขนงเข้าด้วยกัน ทำให้การทำงานของแพทย์มีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับส่วนของ อาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีแห่งใหม่ เหตุผลสำคัญที่ต้องสร้างอาคารใหม่ขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่เดิมไม่เพียงพอต่อการให้บริการ อีกทั้งอาคารหลักของโรงพยาบาลซึ่งก่อสร้างมากว่า 60 ปี แม้ในยุคนั้นจะถือเป็นอาคารสมัยใหม่ที่ออกแบบอย่างล้ำหน้า แต่ก็จะมีความยากลำบากในการปรับปรุงให้เข้ากับมาตรฐานปัจจุบัน โดยมีจุดเด่นของอาคาร อาทิ มีพื้นที่ของอาคารกว่า 15 ไร่ เพื่อรองรับต่อความต้องการทางแพทย์ที่เพิ่มขึ้นภายในประเทศไทย, ผสมผสานนวัตกรรมเอไอเพื่อนำเสนอ หรือการรักษาแบบจำเพาะ หรือ Personalized Medicine เพื่อจัดการการวินิจฉัย การรักษาที่เหมาะสมจำเพาะบุคคล อีกทั้งยังมีการออกแบบโรงพยาบาลเพื่อให้ผู้รับบริการมีความสะดวกสบายและปลอดภัยมากขึ้น ปัจจุบันโครงการอยู่ในขั้นตอนรอการเซ็นสัญญา และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปีนี้
ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ กล่าวต่ออีกว่า เป็นที่เข้าใจกันดีว่าผู้ที่มารับบริการที่โรงพยาบาลรามาธิบดีมักจะประทับใจในทุกด้าน ยกเว้นปัญหาที่จอดรถที่หายาก ซึ่งไม่เพียงแต่ผู้ป่วยเท่านั้นที่ประสบปัญหานี้ บุคลากรของเราก็เผชิญความยากลำบากเช่นเดียวกัน เนื่องจากโรงพยาบาลตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ระบบขนส่งสาธารณะไม่ได้ผ่านโดยตรง สถานีที่ใกล้ที่สุดคือ BTS อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร หรือใช้เวลาเดินประมาณ 15-20 นาที ในปัจจุบัน เรากำลังดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาที่จอดรถ โดยได้ขอความร่วมมือจากการรถไฟแห่งประเทศไทย ในการใช้พื้นที่จอดรถใต้ดินบริเวณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมีที่จอดรถเพียงพอและยังไม่ค่อยมีผู้ใช้บริการมากนัก อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนในด้านราคาค่าบริการที่ค่อนข้างถูก เช่น จอดรถ 6 ชั่วโมงในราคาเพียง 50 บาท นอกจากนี้ โรงพยาบาลยังจัดบริการรถรับส่ง (Shuttle Bus) จากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์มายังโรงพยาบาลรามาธิบดี โดยรถจะออกทุก 10-15 นาที และให้บริการฟรี คาดว่าจะช่วยบรรเทาปัญหาที่จอดรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับในส่วนของมูลนิธิรามาธิบดีฯ นั้น พรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ กล่าวว่า มูลนิธิรามาธิบดีฯ มองภาพรวมการดูแลสุขภาพในเชิงระบบ (Ecosystem) ตั้งแต่การช่วยเหลือด้านค่ารักษาพยาบาล ไปจนถึงการสนับสนุนแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ให้มีความรู้ ความสามารถ และคุณธรรมในการดูแลผู้ป่วย อีกทั้งมูลนิธิยังมี โครงการทุนการศึกษารามาธิบดี สร้างโอกาสการรักษา สร้างบุคลากรการแพทย์ อีกทั้งโครงการวิจัยขั้นสูงที่มีความร่วมมือกับต่างประเทศ ซึ่งบางครั้งต้องการความยืดหยุ่นและการดำเนินงานที่รวดเร็ว อีกหนึ่งบทบาทสำคัญคือการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการแพทย์ ทั้งการสร้างอาคารและการจัดหาเครื่องมือแพทย์กับ โครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี นอกจากนี้ มูลนิธิยังให้ความสำคัญกับการสร้างวัฒนธรรมการให้ในสังคมไทย ด้วยการสร้าง “ความหวัง” และ “ความเท่าเทียม” ในสังคม เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการแบ่งปันอย่างแท้จริงในทุกช่วงวัย เพื่อปลูกฝังการให้เป็นรากฐานของสังคมไทย เพื่อสร้าง “สังคมแห่งการให้” อย่างแท้จริง
ซึ่งในโลกยุคออนไลน์และดิจิทัลแนวคิดเรื่อง “ความยั่งยืน” ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต รวมถึงแนวทางในการ “ให้” ที่เกิดขึ้นได้ง่าย มูลนิธิรามาธิบดีฯ จึงมุ่งพัฒนาระบบการบริจาคให้มีความทันสมัยและตอบโจทย์ผู้ให้ในยุคปัจจุบัน เพื่อให้ทุกการมีส่วนร่วมก่อเกิดเป็นความสุขได้ทันที หรือที่เรียกว่า ‘ความสุขทันใจจากการให้’ ผ่านช่องทางออนไลน์และดิจิทัลที่สะดวกและเข้าถึงง่าย ปัจจุบันกว่า 60% ของการบริจาคมาจากผู้ที่ไม่ได้เดินทางมาที่โรงพยาบาลโดยตรง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าโอกาสการทำความดีได้ช่วยเหลือผู้อื่นนั้น เกิดขึ้นได้จากทุกที่และทุกคน
การเปิดรับพันธมิตรจากหลากหลายภาคส่วน ทั้งสื่อมวลชนที่มีบทบาทสำคัญตั้งแต่สื่อแบบดั้งเดิมจนถึงสื่อดิจิทัล รวมถึงศิลปิน ดารา และกลุ่มแฟนคลับที่เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น ในโลกยุค AI พลังบวกและความมุ่งมั่นเพื่อความยั่งยืนทำให้เราสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างและหลากหลายมากขึ้น เราตั้งใจให้มูลนิธิรามาธิบดีฯ อยู่ในดวงใจของทุกคน และเป็นสัญลักษณ์ของ “การให้ที่ยั่งยืน” อย่างแท้จริง
พรรณสิรี ยังกล่าวอีกว่า ในช่วงเวลา 6 ทศวรรษที่ผ่านมา ผู้บริจาคทุกท่านต่างมีเรื่องราวและความน่าประทับใจในแต่ละกรณี ภาพรวมของคำว่า “ให้” หลายคนอาจมองว่าผู้รับต้องขอบคุณผู้ให้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยหรือเราเอง แต่ในหลายครั้งกลับเป็นผู้บริจาคที่ย้อนกลับมาขอบคุณเรา ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ “คำว่า…ให้ไม่สิ้นสุด”
“มูลนิธิรามาธิบดีฯ มุ่งมั่นขับเคลื่อนระบบบริหารจัดการด้านการให้เพื่อสังคม ด้วยความจริงใจและยึดหลักธรรมาภิบาล เพื่อสนับสนุนพันธกิจของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ในการยกระดับการดูแลสุขภาพของประชาชนอย่างทั่วถึงและยั่งยืน มูลนิธิรามาธิบดีฯ ยังมุ่งสร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) ในทุกมิติ ด้วยการทำงานอย่างจริงใจ เพื่อเป็นศูนย์กลางแห่งการให้ ที่ทุกคนเข้าถึงได้ สัมผัสได้ และร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน”
