บริษัท เอส ซี ไอ อีโค่ เซอร์วิสเซส จำกัด (SCIeco) ผู้นำด้านการจั ดการของเสีย กากอุตสาหกรรม และบริการตรวจวัดสิ่งแวดล้อม มุ่ งมั่นพัฒนา นวัตกรรมเพื่อเปลี่ ยนขยะอุตสาหกรรมและขยะชุมชนให้ เป็นพลังงานทดแทนและวัตถุดิ บทดแทน ผ่าน 4 โซลูชันด้านการจัดการ Waste โดยตระหนักถึงการใช้ทรั พยากรอย่างคุ้มค่า พร้อมนำหลัก Circular Economy มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสู่การบรรลุ เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้ งในมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
นายฉลอง ลิ่มสุนทรากุล Deputy Director บริษัท เอส ซี ไอ อีโค่ เซอร์วิสเซส จำกัด(SCIeco) กล่าวว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 2537 ซึ่ งคิดค้นนวัตกรรมในการเปลี่ ยนขยะและวัตถุพลอยได้ภาคอุ ตสาหกรรมและขยะภาคชุมชนให้เป็ นเชื้อเพลิงทดแทนและวัตถุดิ บทดแทน สามารถใช้เผาร่วมในการผลิตปูนซี เมนต์ (Co-Processing in Cement Kiln) เพื่อช่วยลดปัญหาขยะที่ส่ งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้จากข้อมูลกระทรวงอุ ตสาหกรรมพบว่า ในปี 2566 ปริมาณของเสี ยและกากอุตสาหกรรม มีจำนวนสูงถึง 25 ล้านตัน ขณะที่ ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษพบว่า ปริมาณขยะชุมชนมีจำนวน 30 ล้ านตัน ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์ สิ่งแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนแปลง และการเพิ่มขึ้นของประชากร
“ในฐานะที่เราเป็นผู้ ประกอบการรายแรกของไทยที่ดำเนิ นธุรกิจด้านการกำจัดของเสี ยและกากอุตสาหกรรมด้วยเตาเผาปู นซีเมนต์ ที่มีประสบการณ์มายาวนานกว่า 30 ปี จึงนำความเชี่ยวชาญมาต่ อยอดและยกระดับการบริหารจั ดการกากอุตสาหกรรม พร้อมพัฒนาเทคโนโลยีประยุกต์ใช้ กับขยะชุมชน ด้วยการนำขยะปนเปื้อนที่ไม่ สามารถรีไซเคิลได้ มาผลิตเป็น RDF (Refuse Derived Fuel) ช่วยลดปริมาณการฝังกลบ และยังเป็นการนำขยะกลับมาใช้ ประโยชน์ได้ด้วย”
สำหรับ SCIeco มีโซลูชันด้านการจัดการ Waste ทั้งหมด 4 ด้าน ได้แก่

Environmental Service Solutions บริการตรวจวิเคราะห์ สิ่งแวดล้อมแบบครบวงจร ด้วยห้ องปฏิบัติการที่ได้รับการขึ้ นทะเบียนห้องปฏิบัติการวิ เคราะห์เอกชน จากกรมโรงงานอุ ตสาหกรรมและกรมสวัสดิการและคุ้ มครองแรงงาน อาทิ บริการติดตั้ งและตรวจสอบระบบติดตามคุ ณภาพอากาศจากปล่องโรงงานอุ ตสาหกรรม บริการตรวจวัดคุณภาพน้ำ น้ำทิ้ง และกากของเสีย บริการตรวจวัดมลพิษอากาศจากปล่ องระบาย เป็นต้น

Industrial Waste Management การจัดการของเสี ยและกากอุตสาหกรรม ด้วยวิธี การเผาร่วมกับปูนซีเมนต์ ซึ่งเป็นวิธีการกำจัดที่เป็นมิ ตรต่อสิ่งแวดล้อมตามหลัก Circular Economy โดยเริ่มแรกจะต้องวิ เคราะห์และตรวจสอบคุณสมบัติทั้ งทางเคมี และกายภาพของอุตสาหกรรมดังกล่าว เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถกำจั ดได้อย่างปลอดภัยทั้งด้านอาชี วอนามัย และสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะถูกกำจัดด้วยระบบปิดอุ ณหภูมิสูงถึง 1,450 องศาเซลเซียส ทำให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ ยนของเสียและกากอุตสาหกรรมเป็ นวัตถุดิบทดแทน และเชื้อเพลิงทางเลือก ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

Municipal Solid Waste Management การจัดการขยะชุ มชนเป็นเชื้อเพลิง RDF ขยะชุ มชนปนเปื้อนที่ไม่สามารถรีไซเคิ ลได้จะถูกนำมาพัฒนาจัดการผ่ านกระบวนทางเทคโนโลยี เพื่อให้นำกลับไปใช้ประโยชน์เป็ นเชื้อเพลิง RDF (Refuse Derived Fuel)

Agricultural Waste Management การจัดการวัสดุเหลื อทิ้งภาคการเกษตรพัฒนาเป็นเชื้ อเพลิงชีวมวล โดยบริษัทฯ มีการรับซื้อวัสดุเหลือทิ้ งภาคการเกษตรและเชื้อเพลิงชี วมวลหลายประเภท เช่น ใบอ้อย แกลบ ตอไม้ยางพารา กะลา ปาล์ม เป็นต้น เพื่อนำมาพัฒนาเป็นเชื้อเพลิ งทดแทน ช่วยลดการเผาพื้นที่ เกษตร ลดการเกิด PM 2.5 นับเป็นการเพิ่มรายได้ให้ เกษตรกร และช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมลดต้นทุ นพลังงาน
นายฉลอง กล่าวต่อไปว่า การเกิดใหม่ของขยะไม่มีที่สิ้ นสุด ดังนั้นในอนาคตตลาดอุ ตสาหกรรมจะต้องมองหาวิธีการจั ดการของเสียมาใช้ในกระบวนการอย่ างเป็นระบบ และเพื่อเป็นการสร้ างความยั่งยืนในระยะยาว บริษัทฯ ยังคงพั ฒนาและสรรหาเทคโนโลยี รวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจด้ านการจัดการของเสียและ กากอุตสาหกรรมเพื่อให้เกิ ดการนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างสู งสุด

ทั้งนี้เพื่อสร้างการรับรู้ถึ งโซลูชันการจัดการ Waste บริษั ทฯ ได้เข้าร่วมงาน EnwastExpo 2024 งานแสดงสินค้าและสัมมนาด้านสิ่ งแวดล้อม และการจัดการของเสีย ซึ่งจัดขึ้ นเมื่อวันที่ 13-15 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ด้วยคอนเซ็ปต์ “Waste to The Future” ซึ่งเชื่อว่าการร่ วมโชว์เคสในครั้งนี้จะเป็ นแรงกระตุ้นให้หลายองค์กรหั นมาตระหนักถึงการใช้ทรัพยากรที่ มีอยู่อย่างคุ้มค่า และนำพาภาคอุ ตสาหกรรมของประเทศไทยสู่ความยั่ งยืน
