ตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา HOKA ได้กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์รองเท้าสายเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่เติบโตเร็วที่สุดแบรนด์หนึ่ง และทันทีที่เข้ามาทำตลาดในไทย แบรนด์ก็ได้ขยายตัวและเติบโตอย่างรวดเร็ว จากสาขาแรกที่เซ็นทรัลเวิลด์ โดยปลายปี HOKA กำลังเปิดตัวสามสาขาหลักในกรุงเทพฯ ซึ่งที่เพิ่งเปิดไปคือ EmQuartier, Siam Center และที่จะเปิดอีกสาขาสิ้นปีนี้ คือสาขา Central Ladprao ทำให้ปัจจุบันภายในสิ้นปีนี้ HOKA จะมีสาขาในไทยทั้งหมด 9 สาขา และมีแผนจะขยายสาขาเพิ่มอีกภายในปีหน้า
โดยเฉพาะสาขาสยามเซ็นเตอร์ ถือว่าเป็น Hybrid Flagship Store แห่งแรกของ HOKA และเป็นสโตร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยพื้นที่กว่า 312 ตร.ม. นอกจากการเติบโตของหน้าร้าน HOKA ยังสร้างคอมมูนิตี้การวิ่งและ Active Lifestyle ขึ้นอย่างแข็งแรง จนกลายเป็นหนึ่งใน Ecosystem ที่มีพลังที่สุดและเป็นการตอกย้ำบทบาทของกรุงเทพฯ ในฐานะ Strategic Hub ของ HOKA ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

คุณพรศักดิ์ ชินวงศ์วัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรฟ อีดิชั่น จำกัด หรือ REV Edition ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์ HOKA เปิดเผยว่า การเติบโตอย่างรวดเร็วของ HOKA ในตลาดประเทศไทยมีปัจจัยสำคัญที่มาจาก เอกลักษณ์ของแบรนด์ และ นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ หัวใจสำคัญหรือ DNA ของ HOKA คือการเป็น Performance Brand โดยแบรนด์มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์รองเท้าจากความต้องการของนักวิ่งตัวจริง และการเริ่มต้นผลิตตั้งต้นจากนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ (Product Innovation) HOKA เน้นย้ำเทคโนโลยีที่โดดเด่นในเรื่องการ รองรับแรงกระแทกได้ดี และให้การ ซัพพอร์ตเท้า อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้นักวิ่งมีความพร้อมและรู้สึกสบายในการสวมใส่ ทำให้สามารถวิ่งได้ในทุกโอกาส ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ จึงทำให้ HOKA สามารถเข้าถึงผู้คนในวงกว้างได้อย่างง่ายดาย HOKA ให้ความสำคัญกับการ ออกแบบ (Design) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ส่งเสริมให้ HOKA ประสบความสำเร็จในการขยายฐานตลาดและเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย
กรุงเทพฯ ในฐานะ Strategic Hub ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ประเทศไทยหรือคนไทยเป็นผู้ที่เปิดรับวัฒนธรรมและเทรนด์ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี และกรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและไลฟ์สไตล์ เป็นศูนย์กลางแฟชั่น รวมถึงเป็นที่ที่มีทั้งความเป็นธรรมชาติไปจนถึงความเป็นชีวิตเมืองที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา และปัจจุบันผู้บริโภคไม่ได้เป็นผู้ยอมรับเทรนด์อีกต่อไป แต่ผู้บริโภคที่นี่เป็นผู้กำหนดเทรนด์ ดังนั้นประเทศไทยได้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งอิทธิพล (center of influence) สำหรับประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งการแข่งขันที่เข้มข้นในประเทศไทยช่วยยกระดับความสามารถของ HOKA ให้สูงขึ้น ในความเป็นจริง มีร้าน flagship รวมถึงร้านที่มีคอนเซ็ปต์ในรูปแบบต่าง ๆ จากแบรนด์อื่น ๆ ถูกสร้างขึ้นที่ประเทศไทยจำนวนมาก เมื่อเทียบกับประเทศอย่างมาเลเซีย, อินโดนีเซีย, และเวียดนาม ดังนั้น การแข่งขันที่เข้มข้นที่นี่จะช่วยเพิ่มความสามารถของเราในฐานะ HOKA และทำให้เราสามารถเผยแพร่แนวปฏิบัติที่ดีที่สุดของเราไปทั่วทั้งภูมิภาคได้ โดยกรุงเทพฯ มีทั้งกลุ่มนักวิ่ง outdoor, กลุ่มคนสายแฟชั่น และกลุ่มที่ใช้ชีวิตแบบ Active Lifestyle อยู่ใน ecosystem เดียวกัน คนไทยโดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ยังเป็นกลุ่มที่เปิดรับแบรนด์ใหม่และเทคโนโลยีใหม่เร็ว ทำให้ที่นี่เหมาะจะเป็น เมืองต้นแบบ สำหรับทดลองคอนเซ็ปต์ ‘Performance meets Lifestyle’ ก่อนที่เราจะนำโมเดลนี้ไปใช้ในประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

คุณโจเอล ลิม Joel Lim, Head of Brand HOKA South East Asia กล่าวว่า HOKA วางประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลาง หรือ Hub ของภูมิภาค เป็นฐานในการสร้าง Regional Playbook ทั้งในแง่ของรูปแบบร้านค้า เช่น Concept Store ที่ EmQuartier, Hybrid Flagship Store ที่ Siam Center และการสร้างคอมมูนิตี้วิ่ง หรือการสร้างกิจกรรมข้ามประเทศ เช่นต่อยอดความสำเร็จของ HOKA Chiangmai Thailand by UTMB ไปสู่กิจกรรมในสิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนามในปีต่อ ๆ ไป เพื่อให้ ecosystem ของนักวิ่งและคนที่รัก Active Lifestyle เชื่อมถึงกันทั้งภูมิภาค
ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ CRC Sports x REV Edition ที่ตอกย้ำผู้นำตลาดรองเท้าวิ่ง และขยายพลังแบรนด์สู่ภูมิภาค
การร่วมมือกันระหว่าง CRC Sports และ REV Edition ทำให้ HOKA มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ฝั่ง CRC Sports มีความแข็งแกร่งด้านเครือข่ายสโตร์สมัยใหม่และ modern trade และมีความเข้าใจลึกในตลาดรีเทลไทย ส่วน REV Edition มีความเชี่ยวชาญด้านแบรนด์กีฬา การเลือกสินค้า และการสร้างคอมมูนิตี้ เมื่อสองสิ่งนี้มารวมกันทำให้ HOKA โตแบบก้าวกระโดด ดีลนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องโครงสร้างการลงทุน แต่เป็นการเอาจุดแข็งของสองฝ่ายมารวมกัน
HOKA เปิดสาขาแรกในประเทศไทยเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ปัจจุบันเรามี 9 สาขา รวมสาขาที่กำลังจะเปิดใหม่ในเดือนธันวาคม 2568 นี้ ที่ภายใน 1 เดือน HOKA ขยายได้ถึง 3 สาขา เกิดขึ้นจากความแข็งแกร่งของ CRC Sports และ REV รวมถึงทางกลุ่ม Central ด้วย ที่ช่วยซัพพอร์ต เป็นหนึ่งในตัวอย่างของความแข็งแกร่งที่เราได้รับจากการร่วมมือกัน
ความร่วมมือ CRC Sports x REV Edition สร้างประโยชน์อะไรต่อผู้บริโภค นักวิ่ง และ community
การวิ่งและกลุ่มนักวิ่งในปัจจุบันมีความหลากหลายอย่างมาก ในอดีตภาพของนักวิ่งส่วนใหญ่จะจำกัดอยู่เพียงนักวิ่งถนนตามสวนสาธารณะ หรือกลุ่มที่เน้นการวิ่งเพื่อสมรรถนะความเป็นเลิศและทำลายสถิติส่วนตัว แต่ปัจจุบันวัฒนธรรมการวิ่งได้เปลี่ยนแปลงและขยายตัวออกไปอย่างเห็นได้ชัด สำหรับนักวิ่งถนนเอง ก็ไม่ได้มีเพียงการวิ่งเพื่อแข่งขันอีกต่อไป แต่ยังรวมถึงกลุ่ม Running Club ที่เน้นการเข้าสังคม การวิ่งในเมือง (City Run) และการรวมตัวเพื่อพบปะสังสรรค์ เช่นเดียวกับที่เคยเห็นกลุ่มวัยรุ่นรวมตัวกันตามสถานบันเทิงยามค่ำคืน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นการรวมกลุ่มใน Running Club แทน และกิจกรรมสังสรรค์จากการกินดื่มก็เปลี่ยนเป็นการวิ่งที่ไปจบลงด้วยการดื่มกาแฟเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น นอกจากวิ่งถนนแล้ว อีกหนึ่งกระแสที่เติบโตอย่างรวดเร็วคือ ‘วิ่งเทรล’ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไม่ว่าจะเป็นนักวิ่งถนนที่มุ่งเน้นสมรรถนะ (Performance Runner) นักวิ่งถนนที่เน้นการเข้าสังคม (Social Runner) หรือนักวิ่งเทรล HOKA มีผลิตภัณฑ์ที่พร้อมตอบสนองความต้องการของทุกกลุ่มที่กล่าวมา และยังเป็นผู้นำในแต่ละประเภทอีกด้วย
ในด้านกิจกรรม ความร่วมมือของ CRC Sports x REV Edition ครั้งนี้ทำให้เรามีกิจกรรมคอมมูนิตี้ที่ใหญ่ขึ้น อย่างการจัด HOKA Chiangmai Thailand by UTMB ได้ในสเกลที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เราสร้างทีมนักกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของภูมิภาค และกำลังต่อยอดโมเดลนี้ไปยังสิงคโปร์และเวียดนาม เพื่อให้นักวิ่งทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพได้สัมผัสประสบการณ์ระดับโลกใกล้บ้านมากขึ้น
สนับสนุนนักวิ่ง HOKA ไม่ได้ดูแลเฉพาะนักกีฬามืออาชีพ แต่ยังมีโปรแกรมสำหรับมือใหม่ กลุ่มที่อยากพัฒนาตัวเอง และคนที่เพิ่งเริ่มสนใจ Active Lifestyle ผ่าน Run Club, โปรแกรมฝึกซ้อม และกิจกรรมทดลองรองเท้าในหลาย ๆ โลเคชั่น ไม่ว่าจะเป็นนักวิ่งมือใหม่จนถึงนักวิ่งซีเรียส ทุกคนได้ประสบการณ์ที่ดีขึ้นทั้งหมด
ทำไมรองเท้า Performance ถึงเริ่มกลายเป็นส่วนหนึ่งของแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ประจำวัน

ประเด็นสำคัญไม่ใช่การเกิดขึ้นของเทรนด์ใหม่ หากแต่เป็นการที่แบรนด์ต่าง ๆ ในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มกีฬา ได้ก้าวข้ามกรอบแนวคิดแบบเดิม และยอมรับความจริงที่ว่าเส้นแบ่งระหว่างกีฬาและไลฟ์สไตล์ได้เลือนหายไป ด้วยเหตุนี้ แบรนด์ต่าง ๆ จึงเริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ในพื้นที่ดังกล่าว และมีคุณสมบัติที่น่าเชื่อถือ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความรู้สึกและพฤติกรรมของผู้บริโภค ประเด็นที่สองซึ่งเป็นการต่อยอดจากแนวคิดข้างต้นคือ ชีวิตของผู้บริโภค รวมถึงพวกเราทุกคน กำลังประสบกับการหลอมรวมกันของมิติต่าง ๆ การออกกำลังกายหรือการวิ่งไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมส่วนบุคคลอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับชุมชน ไม่เพียงแค่การเผาผลาญแคลอรีเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงการบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพหลังจากการออกกำลังกาย การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้มีปัจจัยขับเคลื่อนมาจากการพัฒนาของเทคโนโลยี, การเชื่อมต่อ, และกระแสความคิดของผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย
insight ใหม่ ๆ ของผู้บริโภคเมืองที่แบรนด์เห็นชัดในปีนี้
ปัจจุบัน เทคโนโลยีดิจิทัลและการเชื่อมต่อส่งผลให้เส้นแบ่งระหว่างการทำงาน ชีวิตประจำวัน และชีวิตส่วนตัวของผู้บริโภคในเขตเมืองได้เลือนหายเข้าหากัน ส่งผลให้โอกาสในการเล่นกีฬาและไลฟ์สไตล์ก็หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้แบรนด์จึงจำเป็นต้องตอบสนองทั้งด้านฟังก์ชันการใช้งานและความสะดวกสบายของผู้บริโภค ผู้บริโภคมีความต้องการรองเท้าที่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตจริงได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การทำงานแบบไฮบริด หรือการออกกำลังกายเป็นครั้งคราว ข้อมูลทั้งจากตลาดและประสบการณ์หน้างานยืนยันตรงกันว่า ชาวเมืองไม่ได้มองหารองเท้าเพียงเพื่อความสวยงามหรือสำหรับการวิ่งเท่านั้น แต่ต้องการรองเท้าที่รองรับกิจกรรมตลอดทั้งวัน ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าจำนวนมากปรารถนารองเท้าที่สามารถใส่ไปทำงาน ขึ้นรถไฟฟ้า เดินในออฟฟิศ และยังคงใส่เพื่อวิ่งออกกำลังกายได้ในตอนเย็น หรือแม้กระทั่งใส่ไปคาเฟ่และท่องเที่ยวในช่วงสุดสัปดาห์ด้วยรองเท้าคู่เดียว ดังนั้น ‘ความสบาย’ (comfort), ‘ความคล่องตัว’ (mobility) และ ‘ความอเนกประสงค์’ (versatility) จึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญ อีกประเด็นที่สำคัญคือ ‘ความคุ้มค่าในระยะยาว’ ผู้บริโภคเริ่มมองว่าการลงทุนกับรองเท้าที่มีคุณภาพดีและทนทานเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของตนเอง แทนที่จะเลือกซื้อรองเท้าหลายคู่ที่อาจใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งจากเทรนด์นี้ HOKA ได้นำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และคอนเซ็ปต์ต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์เทรนด์เพื่อมอบผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าเชื่อถือในการใช้งานในพื้นที่ของสมรรถนะ (performance) แต่ก็เป็นสิ่งที่สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วยเช่นกัน
การเติบโตของ Running Community และบทบาทของ HOKA ในการขับเคลื่อน ecosystem ทั้งไทยและภูมิภาค
Running Community ในปัจจุบันเติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มการวิ่งแบบ Socialize ซึ่งเป็นกลุ่มที่โตเร็วที่สุดในขณะนี้ เพราะกิจกรรมการวิ่งประเภทนี้เข้าถึงง่ายและไม่มีอุปสรรคในการเข้าร่วม นักวิ่งมักพบปะกันเพื่อวิ่งในระยะทางสั้น ๆ เพียง 3-5 กิโลเมตร การเพิ่มขึ้นของประชากรนักวิ่งนี้เป็นสิ่งที่น่ายินดี เพราะส่งผลให้ผู้คนมีสุขภาพดีขึ้น ในทางกลับกัน การเติบโตของจำนวนนักวิ่งยังส่งผลให้ขนาดตลาด (Market Size) ของวงการวิ่งขยายตัวตามไปด้วย ซึ่งเป็นผลดีต่อแบรนด์ ในด้านบทบาทของ HOKA จุดยืนและ DNA ของแบรนด์ HOKA คือการ ยึดมั่นในตัวตนของแบรนด์ โดยไม่ได้พยายามที่จะเป็นแบรนด์แฟชั่นหรือตามเทรนด์ แต่เน้นที่คุณค่าหลักให้ความสำคัญกับตัวตนและแก่นแท้ของแบรนด์เสมอ ในช่วงที่ HOKA ก่อตั้งขึ้น ผู้ผลิตรายอื่นต่างออกแบบรองเท้าวิ่งพื้นบางเพื่อเน้นความเร็ว แต่ HOKA เชื่อว่าการวิ่งไม่ควรต้องทรมานตัวเอง แต่ควรเป็นประสบการณ์ที่สนุก (Enjoy) จึงริเริ่มและเป็นผู้นำในการผลิตรองเท้าพื้นหนา (Maximal) โดยให้เหตุผลว่ารองเท้าบางจะส่งแรงสะท้อนกลับไปที่ร่างกาย ในขณะที่รองเท้าพื้นหนาให้ความสบายในการสวมใส่ Performance DNA คือหัวใจหลัก HOKA ยังคงเป็นรองเท้าเทรล (Trail) ที่เคยใช้จริงในการวิ่งจริงโดยนักกีฬา การที่ผู้บริโภคนำรองเท้า HOKA มาใช้ในชีวิตประจำวัน (Lifestyle) เกิดจากการที่ผลิตภัณฑ์มีพื้นฐานมาจากความสบายในการสวมใส่ แบรนด์ไม่ได้ดีไซน์มาเพื่อเป็น Lifestyle โดยเฉพาะ แต่ผลิตภัณฑ์ที่มี DNA ของความเป็น Performance นั้น สามารถปรับมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วยความสบายของตัวรองเท้าเอง ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า HOKA เป็นแบรนด์ที่มีตัวตนที่ชัดเจน และเป็นผู้กำหนดทิศทางให้ตลาดมาอยู่ในแนวทางเดียวกับแบรนด์ และ HOKA วางตำแหน่งตัวเองอยู่ในจุดเริ่มต้นของระบบนิเวศของนักวิ่ง โดยมีเป้าหมายในการสร้างแรงบันดาลใจให้คนทั่วไปได้เริ่มวิ่ง ไม่จำกัดเฉพาะนักวิ่งมืออาชีพ
การสร้าง Community และสนับสนุนนักวิ่ง
HOKA มุ่งเน้นการสร้างแรงบันดาลใจให้คนทั่วไปที่ต้องการมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้เข้ามาสู่ในวงการวิ่ง แม้จะเป็นผู้ที่เพิ่งเริ่มวิ่งได้เพียง 1 กิโลเมตรก็ตาม HOKA มี Run Club ที่จัดกิจกรรมจำนวนมาก (เกือบ 50 ครั้งต่อปี) โดยมีการจำกัดจำนวนนักวิ่งต่อครั้งไว้ที่ประมาณ 50-100 คน กิจกรรมเหล่านี้จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ผู้คนได้เข้ามาสัมผัสและเรียนรู้การวิ่งที่ถูกวิธี ตั้งแต่การ Warm-up, การกำหนดความเร็วและระยะทางที่เหมาะสม, ไปจนถึงการ Cool Down และ Stretching ตอนจบ จุดประสงค์คือการสอนให้นักวิ่งทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อให้พวกเขาสามารถมีความสุขในการวิ่งได้อย่างยาวนาน นอกจาก Run Club แล้ว HOKA ยังจัดกิจกรรมอื่น ๆ เช่น Trail Training เพื่อรองรับนักวิ่งตั้งแต่ระดับเริ่มต้นไปจนถึงนักวิ่ง Elite ที่เข้าร่วมรายการระดับโลกอย่าง UTMB กิจกรรมทั้งหมดที่ HOKA ดำเนินการมานั้น เป็นการแสดงออกถึงตัวตนของแบรนด์ โดยเป็นแบรนด์ที่ใส่ใจกับลูกค้า และมีจิตวิญญาณสำหรับการวิ่งโดยแท้จริง
ทิศทางแบรนด์ HOKA สู่ปี 2026

ในปี 2026 HOKA มีแผนขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมาพร้อมกับกิจกรรมและอีเวนต์ต่าง ๆ เพื่อรองรับการเปิดสาขาใหม่ที่เพิ่มขึ้น (โดยภายในสิ้นเดือนนี้จะมีสาขาเปิดใหม่รวม 3 สาขา และปัจจุบันมีรวม 9 สาขา) การเปิดร้านที่ Siam Center มีความสำคัญที่ยิ่งใหญ่กว่าแค่เรื่องยอดขาย แต่เป็นหมุดหมายที่ตอกย้ำความสำเร็จของแบรนด์ HOKA ในประเทศไทย เนื่องจาก Siam Center อยู่คู่กับประเทศไทยมากว่า 50 ปี และเป็นผู้นำด้านแฟชั่นของเมืองไทย Siam Center มีความพิเศษในการคัดเลือกแบรนด์ที่จะเข้ามา โดยเฉพาะการได้รับพื้นที่ด้านหน้าอาคาร (Fasade) ซึ่งมีเพียงไม่กี่แบรนด์เท่านั้น การที่ HOKA ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในแบรนด์ระดับ Top 4 ที่มีพื้นที่ Fasade บนหน้าบันได Siam Center ถือเป็นการ Endorse (รับรอง) ความสำเร็จของ HOKA ในการเป็นแบรนด์ที่มีตัวตนและความสำเร็จในด้านไลฟ์สไตล์และแฟชั่น การมีร้านที่ Siam Center จึงเป็นการยืนยันความสำเร็จของ HOKA ที่ก้าวข้ามความคาดหวังด้านยอดขายไปแล้ว
HOKA เชื่อว่าทิศทางของแบรนด์ในปีถัด ๆ ไปจะยังคง “ไปคู่กัน” ระหว่างความเป็น Performance และ Lifestyle ไลฟ์สไตล์
ในปี 2026 ทิศทางของ HOKA ชัดเจนมากว่าจะยังเป็น Performance Brand ที่หัวใจคือเทคโนโลยีและการเคลื่อนไหว แต่ในขณะเดียวกันก็จะขยายบทบาทของตัวเองให้กลายเป็นแบรนด์ที่เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของคนเมืองมากขึ้น HOKA เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ สำหรับรองเท้าเพอร์ฟอร์แมนซ์ สำหรับนักวิ่งมืออาชีพและนักวิ่งจริงจังต่อไป และขยายไลน์ ‘Performance meets Lifestyle’ ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถเลือก HOKA เป็นรองเท้าคู่ประจำวันได้ ไม่ว่าจะใช้วิ่ง ออกกำลังกาย ทำงาน หรือใช้ชีวิตในเมือง
ในปัจจุบันไม่ใช่แค่เฉพาะของ HOKA แต่รวมถึงทั้งตลาด ถูกจุดประกายมาจากกีฬาเป็นหลัก HOKA เป็นแบรนด์กีฬาที่มุ่งเน้นการสวมใส่ที่สบายและสามารถใส่ได้ทุกวัน การที่แบรนด์ยึดมั่นใน DNA และความสบายนี้ เป็นปัจจัยที่นำไปสู่การเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์อย่างแน่นอน และด้วยการมี DNA ที่ชัดเจนจะทำให้ HOKA ประสบความสำเร็จอย่างยาวนาน

