‘บมจ. มาลี กรุ๊ป’ หรือ MALEE โชว์ผลงานไตรมาส 3/2568 สะท้อนถึงการปรับโครงสร้ างตามแผนซึ่งบริษัทฯ ยังรักษาโมเมนตัมได้ดี รายได้จากการขายและการให้บริการ 2,028.6 ล้านบาท เติบโต 1.2% จากไตรมาสก่อน (QoQ) ถึงแม้ว่าจะเผชิญความท้ าทายจากปัญหาชายแดนกับเพื่อนบ้ าน กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถื อหุ้นของบริษัทฯ 21.9 ล้านบาท แรงหนุนจากธุรกิจรับจ้างผลิตทั้ งในและต่างประเทศ ยอดคำสั่งผลิตภัณฑ์นม ชา และกาแฟกระป๋องพุ่ง ส่วนน้ำผลไม้มาลี (Malee) และน้ำมะพร้าว Malee COCO เติบโตโดดเด่น ขณะที่ตลาดเกาหลีใต้ กระแสตอบรับดีโตแรง เดินหน้ารุกธุรกิจโค้งสุดท้ ายสร้างการรับรู้แบรนด์ พร้อมจัดกิจกรรมการตลาดและส่ งเสริมการขายรับไฮซีซัน รับปัจจัยบวกหนุนตลาดน้ำผลไม้คึ กคัก มั่นใจก้าวสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านที่ มั่นคงสร้างเติบโต 10-15% ตามแผน 3 ปี (2569-2571)
นายเอกรินทร์ พินิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาลี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายธุรกิจเครื่ องดื่มเพื่อสุขภาพ เปิดเผยว่า จากแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างก้าวสู่ช่วงเปลี่ ยนผ่านที่สำคัญ โดยรุกขยายธุรกิจตราสินค้า (Brand Business) ธุรกิจรับจ้างผลิต (Contract Manufacturing) ให้สอดรับกับแนวโน้มด้านการดู แลสุขภาพและความเป็นอยู่ของทุ กคน และมุ่งบริหารพอร์ตโฟลิโอโดยเน้ นสินค้าที่มีกำไรสูง โดยจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์และนวั ตกรรมใหม่ 2-3 รายการต่อปี ที่จะเป็นสินค้าใหม่ในกลุ่มอื่ นๆ ที่นอกเหนือกลุ่มน้ำผักผลไม้ เพื่อก้าวสู่เป้าหมายการเติบโต 10-15% ปีตามแผน 3 ปี (ปี 2569-2571) ส่งผลให้ผลการดำเนิ นงานไตรมาส 3/2568 (กรกฎาคม-กันยายน) สะท้อนถึงการปรับโครงสร้ างตามแผนซึ่งบริษัทฯ ยังรักษาโมเมนตัมได้ดี ทำรายได้จากการขายและการให้บริ การ 2,028.6 ล้านบาท เติบโต 1.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 21.9 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน (QoQ) เนื่องจากการตั้งค่าเผื่อสินค้ าเสื่อมสภาพ ซึ่งถือเป็นค่าใช้จ่ายครั้งเดี ยว (One-off) ส่งผลให้ต้นทุนขายเพิ่มขึ้ นในระยะสั้น อย่างไรก็ตามหากไม่รวมรายการดั งกล่าว จะมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ ถือหุ้นของบริษัทฯที่ปรับปรุง 61.9 ล้านบาท เติบโต 2.1% จากปีก่อน (YoY)

ทั้งนี้ปัจจัยหลักขับเคลื่ อนการเติบโตมาจากรายได้ทั้ งในและต่างประเทศที่เติบโตอย่ างโดดเด่น ขณะที่ธุรกิจการรับจ้างผลิต (CMG) มีรายได้ 1,373.1 ล้านบาท เติบโต 7.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) ซึ่งสอดรับกับความต้องการที่แข็ งแกร่งจากกลุ่มลูกค้าผลิตภัณฑ์ นม กลุ่มผลิตภัณฑ์ชาและกาแฟกระป๋อง และกลุ่มน้ำมะพร้าว ที่มียอดสั่งผลิตเพิ่มขึ้นอย่ างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งด้านคุ ณภาพการผลิต ที่สามารถตอบสนองความต้ องการของแบรนด์ระดับโลกทั้ งในระดับภูมิภาค และกลุ่มธุรกิจสินค้าของบริษัทฯ (Branded Business) ในประเทศเติบโตที่ยั งเติบโตต่อเนื่อง โดยมีผลิตภัณฑ์เรือธงน้ำผลไม้ มาลี (Malee) ครองผู้นำตลาดน้ำผลไม้ พรีเมียมพร้อมดื่มด้วยส่วนแบ่ งการตลาดเป็น 25% (มกราคม-กันยายน 2568) นอกจากนี้ยังประสบความสำเร็ จอย่างมากจากการนำน้ำมะพร้าว Malee COCO รุกขยายตลาดส่งออกประเทศเกาหลี ใต้ โดยมียอดขายเติบโต 127.1% ขณะที่ผลการดำเนินงาน 9 เดือนของปี 2568 (มกราคม-กันยายน) จากการเผชิญปัจจัยภายนอกทั้ งจากความไม่แน่ นอนของสภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อกำลังการซื้อของผู้ บริโภคที่เปราะบาง รวมถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพู ชา ส่งผลให้รายได้ จากการขายและการให้บริการ 5,852.8 ล้านบาท ลดลง 9.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) และทำกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ ถือหุ้นของบริษัทฯ 173.8 ล้านบาท ลดลง 38.8% จากปีก่อน (YoY) อย่างไรก็ตามกลุ่มธุรกิจรับจ้ างผลิต (CMG) ยังเติบโตแข็งแกร่ง นำโดยผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวที่ กำลังเติบโตดีในต่างประเทศ รวมทั้งในกลุ่มกาแฟกระป๋องพร้ อมดื่ม และในกลุ่มผลิตภัณฑ์นม จากพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย ช่วยหนุนการรักษาโมเมนตั มผลการดำเนินงานของบริษัทฯ
ขณะที่กำไรขั้นต้นในไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 322.6 ล้านบาท ลดลง 18.7% จากปีก่อน (YoY) เนื่องจากรายการค่าเผื่อสินค้ าเสื่อมสภาพ อย่างไรก็ตามหากไม่รวมรายการดั งกล่าว จะมีกำไรขั้นต้นที่ปรับปรุง 362.6 ล้านบาท โดยมีปัจจัยจากราคาวัตถุดิบหลั กในช่วงครึ่งปีหลังที่มีแนวโน้ มลดลง ประกอบกับความสำเร็จในการดำเนิ นกลยุทธ์การบริหารจัดการต้นทุ นอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการสั่ งซื้อวัตถุดิบล่วงหน้าเพื่อบริ หารต้นทุนให้อยู่ในระดับที่ เหมาะสม บริหารจัดการซัพพลายเชนผ่ านการจัดหาวัตถุดิบจากซั พพลายเออร์หลายราย เพื่อเปรียบเทียบทั้งในด้านคุ ณภาพและราคาที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังนำเทคโนโลยีสมั ยใหม่มาใช้ในระบบ ปรับปรุงไลน์การผลิตให้มีประสิ ทธิภาพ นำเทคโนโลยี IOT เข้ามาใช้จัดการเครื่องจักรแบบ Real Time และการใช้พลังงานจาก SOLAR CELL ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่ างมีประสิทธิภาพ
นายเอกรินทร์ กล่าวว่า แผนธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ ายของปี 2568 บริษัทฯ นำผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าว Malee COCO ขยายตลาดในประเทศจีน เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย ตะวันออกกลาง ผ่านการขยายช่องทางจำหน่ายใหม่ รวมทั้งนำผลิตภัณฑ์ที่มีศั กยภาพเข้าทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่ Global Wellbeing Company ส่วนภายในประเทศมุ่งสร้ างการรับรู้กลุ่มผลิตภัณฑ์มาลี อย่างต่อเนื่อง อาทิ Malee Power Plants ที่มีนวัตกรรม INNOGUTZ รวมทั้งดำเนินกิ จกรรมการตลาดและส่งเสริ มการขายเพื่อกระตุ้นการทดลองสิ นค้า เพื่อรับกับทิศทางตลาดน้ำผั กและผลไม้พร้อมดื่มในไตรมาส 4 ที่คาดการณ์จะขยายตัวจากการเข้ าสู่ไฮซีซันการท่องเที่ยว ซึ่งจะกระตุ้นการบริโภคในช่ องทางโรงแรม ร้านอาหาร และเทศกาลเฉลิ มฉลองและการมอบกระเช้าของขวัญปี ใหม่ โดยน้ำผลไม้ถือเป็นหนึ่งในสินค้ ายอดนิยมสำหรับกลุ่มสุขภาพ ส่วนตลาดน้ำมะพร้าว มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่ องจากเทรนด์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุ ขภาพมากขึ้น อีกทั้งโครงการคนละครึ่ง พลัส สนับสนุนการใช้จ่ายโดยเฉพาะผลิ ตภัณฑ์น้ำผลไม้มาลี (Malee) น้ำมะพร้าว Malee COCO และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในช่องทางร้านค้าปลีกดั้งเดิม บริษัทฯ จึงมั่นใจว่าผลการดำเนิ นงานจะเติบโตในช่วงโค้งสุดท้ ายของปี

