ธนจิรา กรุ๊ป เผยรายได้ Q3/68 เติบโตต่อเนื่อง

ธนจิรา กรุ๊ป เผยรายได้ไตรมาส 3/68 เติบโตต่อเนื่อง หนุนผลงาน 9 เดือนแรก  รายได้ 1,347 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.3% ชู HARNN Greater China เติบโตโดดเด่นตามแผนงานพร้อมผลักดันให้เป็น New S-Curve ของกลุ่มต่อไป  

นายธนพงษ์ จิราพาณิชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ภาพรวมในไตรมาส 3/68 นี้ แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของกลุ่มธุรกิจ แม้สภาวะเศรษฐกิจในประเทศยังท้าทาย และจำนวนนักท่องเที่ยวทรงตัว แต่รายได้รวมยังสามารถเติบโตได้จากการขยายงานไปยังต่างประเทศ  โดยเฉพาะในจีน ซึ่งเป็นทิศทางสำคัญที่ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในระยะยาว ในช่วง 9 เดือนแรกของปี กลุ่มบริษัทฯ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวมสุทธิ อยู่ที่ 1,357 ล้านบาท เติบโต 6.5% (YoY) ซึ่งสะท้อนถึงเสถียรภาพและการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตธุรกิจทั้ง 4 กลุ่มหลัก สำหรับไตรมาส 3/68 ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้ 452 ล้านบาท เติบโต 10.3% จากปีก่อนหน้า โดยธุรกิจต่างประเทศเติบโต 109% และโดยเฉพาะ HARNN Greater China ที่ขยายตัวโดดเด่นถึง  281% ทำรายได้ 40 ล้านบาท เป็นไตรมาสที่สร้างยอดขายสูงสุดนับตั้งแต่เปิดดำเนินงานครบ 1 ปีในจีน”

โดยในช่วง  9 เดือนแรกของปี 2568 กลุ่มบริษัทฯ ทำรายได้จากต่างประเทศ 175 ล้านบาท เติบโต 117% จากปีก่อน คิดเป็นสัดส่วน 13% ของรายได้ทั้งกลุ่ม เพิ่มขึ้นจาก 6% ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา  สะท้อนการขยายธุรกิจและความแข็งแกร่งของการขยายงานไปยังต่างประเทศ ซึ่งสัดส่วนใหญ่มาจากการเปิดบริษัทย่อยในจีนและขยายช่องทางจำหน่ายแบรนด์ HARNN มีการจำหน่ายตามร้านค้า Cosmetic Chain Store, Drug Store, และ Specialty Store รวมอยู่มากกว่า  480 จุดขายใน 12 มณฑล (สิ้นสุดในเดือนกันยายน 2568) อันได้แก่ มณฑลกวางตุ้ง เหอหนาน เฮยหลงเจียง เจียงซู เจ้อเจียง อานฮุย เสฉวน ชานซี ซินเจียง ธิเบต เจียงซี และซานตง โดยมีร้าน Concept Store ภายใต้แบรนด์ HARNN อยู่ 4 สาขาที่เมืองหางโจว เซินเจิ้น ซินเซียง และเซี่ยเหมิน ซึ่งบริหารโดยตัวแทนจำหน่าย และร้าน SCape by HARNN อยู่ 1 สาขา ที่เมืองหูโจว ซึ่งป็น Spa franchise บริหารโดยตัวแทนจำหน่าย ซึ่งเป็นโมเดลที่ตอบโจทย์ลูกค้าชาวจีนทั้งในแง่ของการสร้างแบรนด์ และการได้รับประสบการณ์ที่ดี อีกทั้งยังคงสามารถทำยอดขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์หลัก เช่น T-Mall, Xiao Hong Shu, Douyin และ JD.com  ช่วยสร้างแรงส่ง (momentum) ที่สำคัญต่อการขยายธุรกิจและการรับรู้ของแบรนด์ในวงกว้างมากขึ้นต่อไป  ขณะเดียวกันธุรกิจใน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และ เวียดนาม มีพัฒนาการที่ดีต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของการขยายฐานลูกค้าและการพัฒนาช่องทางการจำหน่าย  ทั้งนี้ในไตรมาส 3/2568 ถือเป็นไตรมาสที่มีรายได้สูงที่สุดตั้งแต่เริ่มกิจการในประเทศสิงค์โปร์และจีน เช่นกัน

ในไตรมาส 3/68 กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 13 ล้านบาท และสำหรับในรอบ 9 เดือนแรก ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 41 ล้านบาท  กลุ่มบริษัทฯ ยังคงมุ่งสร้างฐานกิจการทั้งในและต่างประเทศเพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว โดยให้ความสำคัญกับการวางกลยุทธ์ในการสร้างฐานการขยายธุรกิจในต่างประเทศในช่วงเริ่มต้นนี้ พร้อมๆ กับการเติบโตในประเทศไทย

นอกจากการขยายธุรกิจในต่างประเทศ กลุ่มบริษัทฯยังให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ ‘Value-for-Money’ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความยั่งยืนของแบรนด์ในสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เรามุ่งนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพและความคุณค่าคุ้มราคา ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ทั้งในแง่ของประสบการณ์ และบริการ โดยแต่ละแบรนด์สามารถปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับกำลังซื้อของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างสมดุล

กลุ่มบริษัทฯ แบ่งรายได้แยกตามกลุ่มธุรกิจทั้งในประเทศ และต่างประเทศ (Business Group) สำหรับ 9 เดือนแรกปี 2568 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ดังนี้ โดยทุกกลุ่มธุรกิจสามารถปรับตัวได้ในสัดส่วนที่สอดคล้องกับนโยบายกระจายความเสี่ยงได้ดี

  • กลุ่ม Lifestyle มีสัดส่วนลดลงจาก 53% เป็น 48% โดยแบรนด์ Pandora มีรายได้ลดลง จากจำนวนสินค้าใหม่ต่อคอลเลกชันลดลง ในขณะที่ไตรมาสที่ 3/68 แสดงผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นหลังจากการแผนบริหารสินค้าและจัดกิจกรรมโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น และแบรนด์ Cath Kidston มีพัฒนาการที่ดีขึ้น ทำยอดขายต่อสาขาเดิมเป็นบวก ต่อเนื่อง จากการที่มีรายได้จากสาขาที่มีศักยภาพ
  • กลุ่ม Fashion มีสัดส่วนจาก 22 % เพิ่มเป็น 26% จากแบรนด์ Marimekko และ GANNI ที่เติบโตโดดเด่น รวมถึงแบรนด์ United Arrows และ MM6 ยังทำผลงานได้ดี
  • กลุ่ม Beauty & Wellness มีสัดส่วนจาก 18% เพิ่มเป็น 19% โดยรายได้เพิ่มขึ้น 9.6% จากยอดขายในต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นผลการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่นิยมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ และผลักดันให้มีช่องทางการจัดจำหน่ายให้มีมากขึ้นจากตลาดต่างประเทศโดยไม่พึ่งพิงรายได้จากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาประเทศไทยเป็นหลัก
  • กลุ่ม Food & Beverage มีสัดส่วน 7 % จากการดำเนินการร้านอาหารในกลุ่ม Gordon Ramsay ที่มีทั้งหมด 3 ร้าน ได้แก่ Bread Street Kitchen & Bar 2 สาขา และ Street Pizza 1 สาขา ยังคงได้รับการตอบรับในแนวบวก แม้จะได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักในเดือนกันยายน

นอกจากนี้ ธนจิรา กรุ๊ป ยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนแนวทาง ESG (Environmental, Social & Governance) อย่างเป็นระบบ ภายใต้วิสัยทัศน์ “Creating and Delivering Meaningful Lifestyle” เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางธุรกิจและความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม พร้อมยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการให้ยั่งยืน ล่าสุด กลุ่มบริษัทฯ ได้รับ CGR ระดับดีเลิศ 5 ดาว (Excellent CG Scoring) จากการประเมินของ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เข้าร่วมการประเมิน ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม

Post Views38 Views
Share this post