สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่ งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) จัดการประชุมออนไลน์ เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 โดยมี ดร.ชญานิน เกิดผลงาม รองเลขาธิการ ด้านกลยุทธ์และเทคโนโลยี เป็นประธานเปิดการประชุมชี้ แจงการกำกับดูแลด้านเทคโนโลยี สารสนเทศและภัยคุกคามทางไซเบอร์ พร้อมประกาศนโยบายใหม่ที่จะมี ผลบังคับใช้ในปี ๒๕๖๙ ว่าการประชุมครั้งนี้มีวัตถุ ประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจร่ วมกันระหว่างหน่วยงานกำกับดูแล และภาคธุรกิจประกันภัย โดยอ้างจากผลการประเมินความพร้ อมด้านเทคโนโลยี สารสนเทศและการรับมือภัยคุ กคามทางไซเบอร์ สำหรับธุรกิจประกันภัย (IT&CRAF) และรายงานตรวจสอบด้านเทคโนโลยี สารสนเทศ (IT Audit Report) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงจุดแข็ งและจุดอ่อน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาการดำเนิ นงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้ น พร้อมทั้งได้ชี้แจงถึ งนโยบายสำคัญให้ บริษัทประกันภัยทุกแห่งตระหนั กและเตรียมความพร้อมล่วงหน้าก่ อนการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น
นายสมเกียรติ วัฒนาประสบสุข ผู้ช่วยเลขาธิการ สายเทคโนโลยีสารสนเทศ กล่าวว่า เพื่อให้ภาคธุรกิจเตรียมความพร้ อมรองรับการเปลี่ยนแปลงที่กำลั งจะเกิดขึ้น สำนักงาน คปภ. ได้กำหนดมาตรการสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ มาตรการทบทวนหลักเกณฑ์การกำกั บดูแลด้าน IT และการบริหารจัดการความเสี่ยง ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบั น ซึ่งเทคโนโลยีได้กลายเป็น “หัวใจของธุรกิจ” และภัยคุกคามทางไซเบอร์มีความซั บซ้อนและรุนแรงมากขึ้น มาตรการยกระดับการกำกับดูแลข้ อมูล (Data Governance) เพื่อรักษาความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัยของข้อมูล ตลอดจนสร้างความมั่นใจว่าการใช้ ข้อมูลจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิ ภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้ มาตรการผนวกผลการประเมิน IT&CRAF และ IT Audit Report เข้ากับระบบ Early Warning System (EWS) ซึ่งเดิมใช้วิเคราะห์ เฉพาะความมั่นคงทางการเงิ นของบริษัทเท่านั้น แต่ต่อไปจะขยายขอบเขตให้ครอบคลุ มถึงความสามารถ ในการบริหารความเสี่ยงด้ านเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษั ทประกันภัย เพื่อให้สามารถติดตามและประเมิ นสถานะของบริษัทประกันภัยได้อย่ างรอบด้านมากขึ้น
ขณะเดียวกันการก้าวสู่ยุคของปั ญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ในอุตสาหกรรมประกันภัยยังเป็นอี กหนึ่งประเด็นที่ได้รับความสำคั ญ โดยสำนักงาน คปภ. ได้จัดทำร่างแนวปฏิบัติ ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปั ญญาประดิษฐ์ เพื่อให้ภาคธุรกิจใช้เป็ นแนวทางในการดำเนินงานโดยเน้ นความโปร่งใส เป็นธรรม และความมั่นคงปลอดภัยเป็นหลั กสำคัญ รวมถึงการผลักดันให้ธุรกิจประกั นภัยเปิดเผยข้อมูลทางดิจิทัลเพื่ อสร้างความโปร่งใส ความเป็นธรรม และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ แก่อุตสาหกรรมประกันภั ยในระยะยาว “การเสริมความเข้มแข็งด้าน Cybersecurity ไม่ใช่ภาระ แต่คือความรับผิดชอบร่วมกั นของทุกฝ่าย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ ประชาชนและความมั่นคงของอุ ตสาหกรรมประกันภัยไทยพร้อมย้ำว่ า การดำเนินมาตรการต่าง ๆ ที่สำนักงาน คปภ. กำหนดขึ้น ไม่เพียงเป็นกลไกในการกำกับดู แลเชิงป้องกัน แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคั ญในการยกระดับขี ดความสามารถการแข่งขันของธุรกิ จประกันภัยไทยให้ทัดเที ยมนานาชาติ ตลอดจนสร้างภูมิคุ้มกันที่มั่ นคงให้แก่ประชาชน ผู้เอาประกันภัยและระบบประกันภั ยโดยรวมในระยะยาว” ผู้ช่วยเลขาธิการ สายเทคโนโลยีสารสนเทศ กล่าวในตอนท้าย
