ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ภูมิใจได้รับ 7 รางวัลอันทรงเกียรติจากเวทีระดับนานาชาติจากการเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน สะท้อนถึงบทบาทความเป็นผู้นำในการสนับสนุนภาคธุรกิจให้เปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ และร่วมสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับประเทศไทย
รางวัลทั้ง 7 รายการ ได้แก่:
- รางวัล Thailand’s Best Bank for ESG – เวที Euromoney Awards for Excellence 2025
- รางวัล Thailand International Green Financing Bank of the Year – เวที ABF Wholesale Banking Awards 2025
- รางวัล Best Sustainable Bank | International – เวที FinanceAsia Awards 2025
- รางวัล Biggest Sustainable Impact – Banks | International – เวที FinanceAsia Awards 2025
- 3 รางวัลจาก เวที The Digital Banker – Global Sustainable Finance Awards 2025:
- Best SME Bank for Sustainable Finance-Thailand;
- Best Wholesale/Transaction Bank for Sustainable Finance-Thailand;
- Best Decarbonisation Solution
รางวัลเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของยูโอบี ประเทศไทยในการขับเคลื่อนความยั่งยืน ผ่านกรอบการให้สินเชื่อเพื่อความยั่งยืนที่ครอบคลุมและได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล ซึ่งสนับสนุนโครงการในหลากหลายภาคส่วน ตั้งแต่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สีเขียว เมืองอัจฉริยะ เศรษฐกิจหมุนเวียน ไปจนถึงการเงินการค้าที่ยั่งยืน
นางวีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล กรรมการผู้จัดการ Deputy CEO และ Wholesale Banking ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า “รางวัลเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของยูโอบีในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เราภูมิใจที่ได้ร่วมสนับสนุนลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อส่งมอบโซลูชันทางการเงินที่มีนวัตกรรมและสร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งในระดับประเทศและระดับโลก”
ดีลด้านการเงินเพื่อความยั่งยืนที่โดดเด่นในปี 2567 – ยูโอบี ประเทศไทย ได้แสดงบทบาทผู้นำผ่านธุรกรรมสำคัญหลายรายการในปีที่ผ่านมา:
- สินเชื่อเพื่อการเปลี่ยนผ่านมูลค่า 6,500 ล้านบาทให้กับกลุ่มบริษัทบางจาก
มอบสินเชื่อภายใต้กรอบการสนับสนุนทางการเงินเพื่อการเปลี่ยนผ่าน (Transition Finance Framework) จำนวน 6,500 ล้านบาทให้กับบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย เพื่อใช้ในการพัฒนาก่อสร้างและเป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับโครงการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel – SAF) แห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนทางการเงินเพื่อการเปลี่ยนผ่าน สำหรับอุตสาหกรรมที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากธุรกิจปัจจุบันได้ยากครั้งแรกในประเทศไทย - ตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนมูลค่า 8,000 ล้านบาทให้กับเซ็นทรัลพัฒนา (CPN)
ยูโอบีเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายตราสารหนี้และผู้ดูแลสมุดรายชื่อเพียงรายเดียว สำหรับการออกพันธบัตร เพื่อความยั่งยืนครั้งแรกโดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกในประเทศไทย โดยมีInternational Finance Corporation (IFC) สมาชิกของกลุ่มธนาคารโลก เป็นนักลงทุนหลัก และได้รับการสนับสนุนด้านเทคนิคจากธนาคารพัฒนาเอเชีย - สินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน มูลค่า 5 พันล้านบาทให้กับมิตรผล
อนุมัติสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (Sustainability-Linked Loan: SLL) วงเงิน 1,500 ล้านบาท ให้แก่บริษัทน้ำตาลมิตรผล จำกัด ผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก โดยสินเชื่อดังกล่าวจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัท
ส่งเสริมลูกค้าและชุมชน – ยูโอบี ประเทศไทยเปิดโอกาสให้ลูกค้าองค์กรและลูกค้าสถาบันรายใหญ่ร่วมสนับสนุนความยั่งยืนผ่านผลิตภัณฑ์เงินฝากสีเขียว (Green Term Deposit) ในสกุลเงินบาท สกุลเงินเหรียญสิงคโปร์ และสกุลเงินเหรียญสหรัฐ เพื่อให้มีส่วนร่วมในโครงการที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาที่ยั่งยืน นอกจากนี้ยังสนับสนุน SMEs ผ่านเครื่องมือประเมินความพร้อมด้าน ESG ออนไลน์แห่งแรกของไทย “UOB Sustainability Compass” ซึ่งมีผู้ใช้งานแล้วกว่า 1,600 ราย
เป็นแบบอย่างในการดำเนินงาน – ยูโอบี ประเทศไทยยังคงรักษาสถานะ ความเป็นกลางทางคาร์บอนตั้งแต่ปี 2564 โดยในปี 2567 ได้ใช้ใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (RECs) จากพลังงานแสงอาทิตย์ครอบคลุมการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของธนาคาร พร้อมเปิดตัวแผนลดคาร์บอนสำหรับพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ ตั้งเป้าลดความเข้มข้นการใช้พลังงานลงร้อยละ 28 ภายในปี 2573
ความสำเร็จเหล่านี้ตอกย้ำบทบาทของธนาคารยูโอบี ประเทศไทยในฐานะผู้นำด้านการเงินเพื่อความยั่งยืน และความมุ่งมั่นในการสนับสนุนภาคธุรกิจและชุมชนให้ร่วมสร้างประเทศไทยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีความยืดหยุ่น เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว
